ผมมักจะถามผู้บริหารของแต่ละหน่วยงานอยู่เสมอว่า
ทำไมถึงเลือกพนักงานคนนั้นๆ ขึ้นมาเป็นหัวหน้างานล่ะ คุณพิจารณาจากอะไร
คำตอบที่ผมได้มาคือ
- เขาทำงานกับเรามานานแล้ว ผมก็เลยอยากให้ตำแหน่ง เขาจะได้อยู่กับเรานานๆ ถือเป็นการให้รางวัลเขา
- เขาวินัยการทำงานดี มาทำงานครบทุกวันไม่เคยขาด ไม่เคยลา ไม่เคยมาสาย และไม่เคยโดนโทษทางวินัยเลยนะ
- เขาเป็นคนดี มนุษยสัมพันธ์ดี ประสานงานกับคนอื่นไม่เคยมีปัญหา ใช้ให้ทำอะไรก็ไม่เคยเกี่ยง
- เขาเก่งงาน เชี่ยวชาญในงานมาก งานทุกอย่างในแผนกเขารู้และทำได้หมด
- เขาผลงานดี ได้A มาสองปีติดแล้ว มีไม่กี่คนหรอกที่ทำได้แบบนี้
คุณล่ะ เห็นด้วยกับคำตอบที่ผมได้มาหรือไม่ ?? กับการที่เอาอายุงาน,วินัยการทำงาน,พฤติกรรม,ความชำนาญในงานหรือผลงาน
อย่างใดอย่างหนึ่งมาใช้ค้นหาและเลือกหัวหน้างาน ……….แน่นอนครับเราคงอยากได้มากกว่านั้น
“หัวหน้างาน” คือผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมงานและคนให้เป็นไปเป้าหมายที่กำหนด
ดังนั้นคนที่จะขึ้นไปรับผิดชอบหน้าที่นี้ ก็ควรจะมีความรอบรู้ในงาน, มีผลงานที่ดี
, มีภาวะความเป็นผู้นำ,พฤติกรรมและวินัยการทำงานดี, มีความรับผิดชอบสูง
เราอยากได้หัวหน้างานที่มีลักษณะแบบนี้ครับ
มากกว่าที่จะเลือกเพราะเขาทำงานมานาน
การเลือกหัวหน้างานขึ้นมาหนึ่งคนจะต้องได้การยอมรับจากทั้งผู้บริหารและพนักงานในทีม
ซึ่งผมได้สรุปหลักเกณฑ์ที่ควรจะใช้ในการเลือกหัวหน้างาน
มาให้ทุกท่านลองไปใช้เป็นแนวทาง ดังนี้ครับ
1. ความสามารถด้านผู้นำ
(Leadership
Competency)
หัวข้อนี้สำคัญมาก
ถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่การเป็นหัวหน้างานที่ประสบความสำเร็จ ผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้างานจะต้องมีภาวะผู้นำ
ซึ่งควรจะต้องพฤติกรรมความสามารถพื้นฐานง่ายๆ ดังนี้
- เป็นผู้นำในตนเอง กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ (Self Leadership)
- มีความรับผิดชอบสูง (Accountability)
- สื่อสารและโน้มน้าวจูงใจได้ดี (Communication & Motivation)
- มีความเสียสละและกล้าอาสาที่จะรับผิดชอบงานสำคัญ (Collaboration)
- มนุษยสัมพันธ์ดี เข้าใจในผู้อื่นและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี (Interpersonal)
- ควบคุมอารมณ์ได้ดี (Emotional Control)
- ทัศนคติเชิงบวก (Positive Attitude)
ทั้งหมดเป็นพื้นฐานง่ายๆ
ซึ่งผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้างานที่ดีจะต้องมีนะครับ โดยการประเมินผู้บริหารควรจะหาข้อมูลจากการสัมภาษณ์เพื่อนร่วมงานของผู้ถูกประเมิน,
ลูกค้า และผู้ที่ต้องติดต่อด้วย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ จะทำให้เราได้ข้อมูลประกอบการประเมินมากยิ่งขึ้นครับ
2. ผลงาน
(Performance)
หัวข้อนี้เป็นการประเมินความสามารถในงานและความมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จตามเป้าหมาย
ซึ่งส่วนใหญ่จะวัดเป็น KPIs ของงานที่รับผิดชอบ โดยเราเชื่อว่าคนที่มีผลงานดีย่อมเป็นผู้ที่มีความสามารถในงานดี
(Functional Competency)
รวมทั้งมีความมุ่งมั่นในการทำงานให้สำเร็จ (Sense
of Achievement) แต่การนำผลงานมาใช้ประเมินคัดเลือกหัวหน้างานนั้น
ควรจะใช้ผลงานย้อนหลังอย่างน้อยสัก 2 ปี
เพื่อให้มั่นใจว่าคนๆนั้น ไม่ได้ “ฟลุ๊ก” แต่เขามีความสามารถและความมุ่งมั่นจริงๆ
3. วินัยการทำงาน
(Discipline)
คนที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน
อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีสถิติการมาทำงานดีที่สุด
แต่ต้องมีจัดอยู่ในกลุ่มดีครับที่ทุกคนยอมรับ ถ้าไม่เอาเกณฑ์ข้อนี้มาวัด
เราก็อาจจะได้หัวหน้างานที่มีความสามารถ เก่งงานและผลงานดี แต่ความประพฤติไม่ดี
ก็อาจทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้อื่นไม่เคารพ ศรัทธาได้ ดังนั้นหัวข้อนี้ก็จำเป็นต้องพิจารณาครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะวัดแยกกันนะหว่างสถิติการทำงาน
และการถูกลงโทษ โดยส่วนมากจะกำหนด
ดังนี้ครับ
- % การทำงานต้องไม่น้อยกว่า 97% ของเวลาการทำงานทั้งหมด
- ไม่เคยได้รับการลงโทษตักกเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร,พักงาน ใดๆทั้งสิ้น
นี่เป็นเพียงตัวอย่างนะครับ
ถ้าท่านจะนำไปใช้ ก็ควรปรับให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมขององค์กนท่านนะครับ เพราะหลายองค์กรเน้นเรื่องนี้มากๆ
ก็อาจจะต้องกำหนดเกณฑ์ให้สูงขึ้นไปด้วย
4. อายุงาน
(Year
of Service)
ท่านจะสงสัยว่าทำไมผมเลือกข้อนี้มาด้วย
ทั้งๆ ที่ช่วงต้นผมเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยกันการนำอายุงานมาใช้ประเมินคัดเลือกหัวหน้างาน ใช่ครับ ผมไม่เห็นด้วย
แต่ไม่เห็นด้วยในกรณีที่ใช้อายุงานอย่างเดียวเท่านั้น
การที่ผมแนะนำข้อนี้ไปพิจารณาด้วยเพราะท่านอาจจะเจอคำถามนี้จากพนักงานในทีมว่า
“ทำไมคุณA (นามสมมติ) ถึงได้เป็นหัวหน้าล่ะครับ
ทำงานยังไม่ถึงปีได้เป็นแล้ว ผมอยู่มา 5 ปีแล้ว
ทำงานก็ไม่ได้ดีกว่าผม
ผมไม่เห็นได้เป็นบ้างเลย”
เคยเจอแบบนี้ไหมครับ จริงอยู่ครับ ที่คนทำงานไม่นาน
อาจจะเก่งจะดีกว่าคนที่อยู่มานาน และถ้าเจอคนแบบนี้เราควรจะรีบรักษาไว้ แต่มีพนักงานอีกมากไม่เข้าใจแบบนั้นครับ
รักษาคนได้คนเดียวแต่อาจะเสียไปทั้งหมด ต้องละเอียดครับ
สำหรับข้อนี้ผมแนะนำให้ตั้งเป็นเกณฑ์ที่ชัดเจนไปเลย
ว่าคนที่มีโอกาสจะได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้างาน จะต้องมีอายุงานไม่น้อยกว่ากี่ปี
อาจจะ 1 ปี ,2
ปี หรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่
แต่ผมเสนอว่าไม่ควรกำหนดให้มากกว่า 2 ปี
ไม่เช่นคนเก่ง คนดีที่อายุงานน้อยๆจะไม่อดทนรอ ยิ่งในยุคนี้ที่มีกลุ่ม Gen
Y อยู่มากครับ
นี่ก็เป็นตัวอย่างหลักเกณฑ์สำคัญที่เราใช้เลือกหัวหน้างานใหม่ขึ้นมาสักคน
ซึ่งถ้าหากเราได้คนที่มีความเก่ง คนดีที่มีความพร้อมมากที่สุดก็ย่อมส่งผลดีต่อองคกร
จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเขาจะก้าวขึ้นมาช่วยเรา “พัฒนา” ไม่ใช่สร้าง “ปัญหา” ท่านที่สนใจก็ลองนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมครับ
อาจจะลดหรือเพิ่มหัวข้ออื่นๆขึ้นมาก็ได้ แต่ต้องอย่าให้ง่ายหรือยากจนเกินไป เพราะถ้ากำหนดง่าย
เราก็อาจจะได้หัวหน้างานที่ไม่ตรงตามความคาดหวัง
หรือถ้ากำหนดยากไป พนักงานก็อาจจะไม่สนใจพัฒนาตนเองให้ทำได้ตามเกณฑืที่กำหนด
เพราะมองว่ามันไกลเกินเอื้อมครับ
พบกันครั้งหน้าครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น