วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557

“ Job Description เครื่องมือสำคัญในการบริหารองค์กร ” ตอนที่ 1


เรื่องนี้ถือว่าเป็นคำถามยอดฮิตของหลากหลายองค์กร ว่าทำไมถึงใบบรรยายหน้าที่งาน หรือ Job Description ถึงมีความสำคัญกับการบริหารงานธุรกิจ และบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างมากในปัจจุบัน  ซึ่งผมก็เชื่อทุกท่านเองก็สงสัยไม่แพ้กัน  ผมก็เลยนำเรื่องนี้มาบอกต่อให้ทุกท่านเข้าใจ พร้อมกันแล้วใช่มั้ยครับ

JD คืออะไร ??
Job Description หรือที่เรามักจะเรียกย่อๆว่า JD (เจ-ดี)  คือ  เอกสารที่ระบุหน้าที่งานของตำแหน่งงานต่างๆ ที่มีการกำหนดขึ้นในแต่ละองค์กร  มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำขึ้น เพื่อบอกว่าตำแหน่งงานนั้นคือตำแหน่งอะไร ทำหน้าที่อะไรบ้าง และคนที่จะมาทำงานในตำแหน่งนี้ควรจะต้องคุณสมบัติลักษณะอย่างไร  ซึ่ง JD มีชื่อเรียกเป็นภาษาไทยมากมาย อาทิ เช่น ใบบรรยายหน้าที่งาน , ใบพรรณนาหน้าที่งาน , ใบกำหนดหน้าที่งาน ฯลฯ   ไม่ว่าแต่ละองค์กรจะเรียกว่าอะไรก็ขอให้เข้าใจว่าคือ JD แล้วกัน   โดยส่วนใหญ่ JD แล้วมีองค์ประกอบหลักๆ คือ  ชื่อตำแหน่งงาน ( Position/Title) , หน้าที่ความรับผิดชอบ( Responsibility ) และคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งงาน ( Specification ) ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมานั้น ก็ขึ้นอยู่ที่ความต้องการของแต่ละองค์กร

 JD บทละครในการทำงาน
ถ้าจะกล่าวถึงความสำคัญของ JD นั้น  เพื่อให้ทุกท่านเห็นภาพ ผมคงจะขอเปรียบเทียบ JD กับบทละคร  ซึ่งผมมักจะนำมาเปรียบเทียบกันเสมอเวลาที่อธิบายให้ผู้อื่นฟัง  ผมเคยฝึกงานอยู่ที่กองถ่ายตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งก็ได้มีโอกาสอ่านบทละครของจริง  (ท่านอาจจะสงสัยว่าเกี่ยวกับงานบุคคล ผมจบนิเทศมาครับ) ก็เลยได้ทราบว่า รูปแบบของบทละครนั้น นอกเหนือจากบทบาท ก็มีการระบุชื่อตัวละคร ซึ่งบอกไว้ชัดเจนว่าตัวละครชื่ออะไร เป็นใคร ซึ่งไม่ต่างอะไรกับองค์ประกอบหลักส่วนแรกของ JD ที่บอกชื่อตำแหน่ง และสังกัดหน่วยงาน   รวมถึงมีการระบุคุณสมบัติของผู้แสดงว่าจะต้องมีลักษณะอย่างไร  ซึ่งก็จะเหมือนกับคุณสมบัติของตำแหน่งงานอีกนั่นแหละ    เห็นไหมครับว่านี่คือความเหมือนโดยบังเอิญครับ  พอเห็นภาพใช่มั้ยครับ
บทละคร ( JD ) ถือว่ามีความสำคัญกับการสร้างละครมาก เพราะเป็นตัวกำกับให้นักแสดงต้องแสดงบทบาท หน้าที่ตามที่บทได้ระบุไว้ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วนักแสดงผู้นั้นอาจจะมีอุปนิสัย ลักษณะตรงข้ามกับบทบาทที่กำหนด แต่เขาก็สามารถที่จะสวมบทบาทที่เขาได้รับมอบหมายได้อย่างสมจริง  ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากการทำงานในองค์กร ที่ทุกคนจะต้องสวมบทบาท ทำหน้าที่ตามที่ระบุใน JD แต่พอเลิกงานปุ๊บเขาจะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง โดยผมมักจะได้ยิน...ผึ้งงาน...อย่างพวกเราเปรียบเทียบการทำงานในบริษัทว่าเป็น การสวมโขน ( จำเขามาบอกต่ออีกทีนะ )
การกำหนด JD โดยปกติแล้ว จะกำหนดมาจากวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร หน่วยงาน ว่าต้องการอะไร จากนั้นก็มากำหนดหน้าที่งานในตำแหน่งงานต่างๆ ให้สอดรับกับเป้าหมายที่กำหนด แต่ก็มีองค์กรจำนวนมากมักจะตกหลุมพรางครับ คือกำหนดหน้าที่งานมาจากงานปัจจุบันที่ทำ ซึ่งงานที่ทำปัจจุบันอาจจะไม่สอดรับกับเป้าหมายที่ต้องการก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางองค์กรยังไปลอกแบบ JD มาจากองค์กรอื่น    ซึ่งลักษณะงานต่างจากที่ทำด้วยซ้ำ   ฉะนั้นจำเป็นครับที่ผู้ที่กำหนด JD จะต้องกลับไปทบทวน JD ของหน่วยงานตน หรือของตน เพื่อกำหนดให้ตรงกับความคาดหวัง มิฉะนั้นแล้วงานที่ทำปัจจุบัน อาจจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ กับองค์กรก็เป็นได้ครับ
อีกปัญหาหนึ่งที่มักจะพบเกี่ยวกับ JD ก็คือ การไม่ให้ความสำคัญและนำ JD ไปใช้งานต่อ  กล่าวคือ มีการจัดทำขึ้นทุกตำแหน่งงาน   (ส่วนใหญ่ทำขึ้นเพื่อให้ ISO ตรวจ ) แต่พอจัดทำ อนุมัติขึ้นมาแล้ว   JD เหล่านั้นก็จะถูกเก็บเข้ากรุ  หายไปเลย ไม่มีการนำใช้งานต่อ    พนักงานใหม่ที่เข้ามาทำงานไม่มีโอกาสได้เห็นงานที่ตนต้องผิดชอบ  จะทราบว่าตัวเองต้องทำอะไรจากการบอกเล่า อธิบายเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่  คนที่อธิบาย ถ่ายทอดงาน ก็จะบอกแต่งานที่ตัวเองทำ หรือคิดว่าพนักงานใหม่ต้องทำ โดยที่อาจไม่ตรงกับงานที่ระบุใน JD เลย

.....การสร้างละครขึ้นมาหนึ่งเรื่อง ยังต้องกำหนดเป้าหมายขึ้นก่อนเลย จากนั้นถึงมากำหนดตัวละครที่ต้องมีในเรื่อง แล้วถึงค่อยเขียนบทละคร    JD ก็ไม่ต่างกันครับ    

JD ไม่ได้เป็นแค่เพียงเอกสารที่กำกับให้ทุกคนปฏิบัติตามหน้าที่ที่องค์กรคาดหวังเท่านั้น JD ยังมีความสำคัญอีกมากครับ ซึ่งติดตามต่อเนื่องได้ในตอนที่ 2 ครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น